ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ |
|||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
มาตรา 1717 ในเวลาใด ๆ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตาย แต่ต้องเป็นเวลาภายหลังที่เจ้ามรดกตายแล้วสิบห้าวัน ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่ง จะแจ้งความถามไปยังผู้ที่ถูกตั้งเป็นผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ก็ได้
วรรคสอง ถ้าผู้ที่ได้รับแจ้งความมิได้ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันรับแจ้งความนั้น ให้ถือว่าผู้นั้นปฏิเสธ แต่การรับเป็นผู้จัดการมรดกนั้น จะทำภายหลังหนึ่งปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต
|
|||||||||
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2535 ข้อกำหนดพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้คัดค้านเป็นส่วนใหญ่และตั้งพันโทหญิงม. และนางม. บุตรผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านให้ทนายความแจ้งไปยังพันโทหญิงม.และนางม.ว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ คนทั้งสองได้รับหนังสือแล้วไม่ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายใน 1 เดือน นับแต่วันรับแจ้งความ ถือได้ว่าคนทั้งสองปฏิเสธที่จะรับเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1717 ไม่สมควรตั้งให้เป็นผู้จัดการ....มรดกของผู้ตาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งนางมานิดา วิชากรกุล และพันโทหญิงมาลี สุวรรณประทีป บุตรของผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายปาน คฤหเดช ผู้ตายซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ร้อง ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรนอกกฎหมายของผู้ตาย ซึ่งผู้ตายได้รับรองแล้ว ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกส่วนใหญ่ให้แก่ผู้คัดค้านและบางส่วนยกให้แก่ผู้มีชื่อ ตามพินัยกรรมผู้ตายได้ตั้งร้อยโทหญิงมาลี สุวรรณประทีป(ปัจจุบันมียศเป็นพันโท) และนางสาวมานิดา ศรีสังกร(ปัจจุบันนางมานิดา วิชากรกุล) เป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านได้ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งไปยังบุคคลทั้งสองว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ แต่คนทั้งสองมิได้ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายใน 1 เดือนนับแต่วันได้รับแจ้งความจากผู้คัดค้าน ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง ขอให้ยกคำร้องและขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ค.3ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2531 ครั้นวันที่ 22ธันวาคม 2531 ผู้คัดค้านเปิดพินัยกรรมของผู้ตายที่บ้านผู้ร้องต่อหน้าผู้ร้องและบรรดาญาติของผู้ตายและบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย ค.2 ข้อกำหนดในพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้คัดค้านเป็นส่วนใหญ่ และตั้งพันโทหญิงมาลีและนางมานิดา บุตรผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้คัดค้านให้ทนายความมีหนังสือลงวันที่ 9กุมภาพันธ์ 2532 แจ้งความไปยังพันโทหญิงมาลีและนางมานิดารวมทั้งญาติพี่น้องของผู้ตายให้มาตรวจดูพินัยกรรม และปรึกษาหารือเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับครั้นถึงวันนัด ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องพันโทหญิงมาลีและนางมานิดามาตรวจสอบพินัยกรรม แต่ผู้รับมอบอำนาจของคนทั้งสามไม่อาจรับรองความถูกต้องของพินัยกรรมจึงได้บันทึกไว้ตามเอกสารหมาย ค.5 ต่อมาทนายความของผู้คัดค้านมีหนังสือลงวันที่ 16 มีนาคม 2532 แจ้งพันโทหญิงมาลีนางมานิดาและบรรดาญาติของผู้ตายโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับว่าเมื่อพันโทหญิงมาลีและนางมานิดาไม่ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป เห็นว่า พฤติการณ์ต่าง ๆของผู้คัดค้านดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้คัดค้านได้ดำเนินการโดยสุจริตเพื่อให้การจัดการมรดกของผู้ตายดำเนินไปโดยเรียบร้อยโดยได้มีหนังสือแจ้งความไปยังพันโทหญิงมาลีและนางมานิดาว่าจะรับเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมหรือไม่ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์2532 คนทั้งสองได้รับหนังสือแล้วก็ไม่ได้ตอบรับเป็นผู้จัดการมรดกภายใน 1 เดือน นับแต่วันรับแจ้งความ จึงถือว่าคนทั้งสองปฏิเสธที่จะรับเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1717 เมื่อพันโทหญิงมาลีและนางมานิดาไม่ให้ความร่วมมือในการจัดการ...มรดกของผู้ตายมาตั้งแต่ต้น ก็ไม่สมควรที่จะแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการ...มรดกของผู้ตาย สำหรับผู้คัดค้านนั้นนอกจากจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังเป็นบุคคลที่ไม่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการ...มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718 จึงเห็นควรตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย พิพากษายืน
|